ทำความรู้จักกับ กระบวนการพิมพ์กราเวียร์ สำหรับบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูง

ทำความรู้จักกับ กระบวนการพิมพ์กราเวียร์ สำหรับบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูง

ระบบการพิมพ์กราเวียร์หรือ Gravure Printing เป็นระบบการพิมพ์ที่เหมาะสำหรับงานบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาณมากและต้องการคุณภาพสูง โดยใช้แม่พิมพ์เป็นลูกกลิ้งทองแดงที่มีหัวเจาะเพชรเพื่อสร้างภาพด้วยการเจาะผิวแม่พิมพ์

บรรจุภัณฑ์ที่ดีไม่เพียงแค่ทำหน้าที่ห่อหุ้มและปกป้องผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์และบุคลิกให้กับแบรนด์ บรรจุภัณฑ์ที่มีการออกแบบสวยงาม สีสันสดใส และรายละเอียดที่คมชัด จะช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำในใจของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้ กระบวนการพิมพ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพของบรรจุภัณฑ์

หนึ่งในเทคนิคการพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูงคือ กระบวนการพิมพ์กราเวียร์ (Gravure Printing Process) ซึ่งเป็นวิธีการพิมพ์แบบดั้งเดิมที่ให้ผลลัพธ์งานพิมพ์ที่มีความละเอียด สีสันคมชัด และคงทนถาวร

สารบัญ

กระบวนการพิมพ์กราเวียร์

กระบวนการพิมพ์กราเวียร์

กระบวนการพิมพ์กราเวียร์เป็นเทคนิคการพิมพ์แบบหนึ่งที่ใช้แม่พิมพ์ทองแดงหรือโลหะอย่างอื่นที่มีผิวหน้าเรียบเป็นมัน โดยจะนำเครื่องมือพิเศษมาเจาะหรือกัดลงบนผิวแม่พิมพ์ ให้เป็นร่องลึกที่จะใส่หมึกพิมพ์เข้าไป

ขั้นตอนการพิมพ์กราเวียร์

  1. การทำแม่พิมพ์ แม่พิมพ์ทองแดงหรือโลหะจะถูกนำมาเจาะหรือกัดด้วยหัวเจาะเพชรให้เป็นร่องลึกตามลวดลายหรือภาพที่ต้องการพิมพ์
  2. การเตรียมหมึก หมึกพิมพ์ที่ใช้จะมีความหนืดสูงพอที่จะซึมเข้าไปในร่องลึกของแม่พิมพ์ได้
  3. การลงหมึก นำหมึกพิมพ์มาใส่ลงบนแม่พิมพ์ และใช้ใบมีดปาดเอาหมึกส่วนเกินออกจากบริเวณพื้นผิวของแม่พิมพ์ เหลือเพียงหมึกในร่องลึก
  4. การพิมพ์ นำแม่พิมพ์ที่เต็มไปด้วยหมึกในร่องมาพิมพ์โดยการกดลงบนวัสดุที่จะพิมพ์ด้วยแรงดันสูง เช่น กระดาษ พลาสติก โลหะ หรือวัสดุอื่นๆ
  5. การอบแห้ง หลังจากพิมพ์แล้ว บรรจุภัณฑ์หรือวัสดุพิมพ์จะผ่านกระบวนการอบแห้งเพื่อทำให้หมึกแห้งและติดทนถาวร

ข้อดีของระบบการพิมพ์กราเวียร์

คุณภาพงานพิมพ์สูง ได้รายละเอียดและความคมชัดสูง โทนสีสม่ำเสมอ

เนื่องจากกระบวนการพิมพ์กราเวียร์ใช้แม่พิมพ์ที่มีลักษณะเป็นร่องลึกซึ่งถูกเจาะด้วยความละเอียดสูง จึงสามารถพิมพ์ออกมาได้อย่างคมชัดและมีรายละเอียดของเส้นและลวดลายที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้การลงหมึกในร่องลึกยังทำให้โทนสีที่พิมพ์ออกมามีความสม่ำเสมอ ไม่มีรอยขอบขาวหรือรูพรุนเหมือนเทคนิคการพิมพ์อื่นๆ

ความคงทนของสีสัน เนื่องจากหมึกซึมลึกเข้าไปในร่องของแม่พิมพ์

เนื่องจากหมึกพิมพ์จะซึมลงไปอยู่ในร่องลึกของแม่พิมพ์ ทำให้สีสันติดทนและไม่ลอกเลือนง่าย แม้จะถูกกระแทกหรือสัมผัสกับความร้อนในระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ที่ต้องทนต่อการขนส่งและการจัดเก็บได้ดี

พิมพ์ได้หลากหลายวัสดุ ทั้งกระดาษ พลาสติก โลหะ และวัสดุอื่นๆ

เทคนิคการพิมพ์กราเวียร์สามารถนำไปใช้พิมพ์ลงบนวัสดุต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ทั้งกระดาษ พลาสติก โลหะ แผ่นฟิล์มอะคริลิค และแม้แต่วัสดุไม้หรือแก้ว เนื่องจากใช้แรงดันสูงในการถ่ายหมึกจากแม่พิมพ์ลงบนวัสดุ จึงสามารถพิมพ์ลงบนผิววัสดุที่มีทั้งความแข็งและความเรียบหลากหลายได้

เหมาะสำหรับการผลิตปริมาณมาก งานพิมพ์ได้รวดเร็วและต้นทุนต่อหน่วยต่ำ

เมื่อเทียบกับวิธีการพิมพ์อื่นๆ กระบวนการพิมพ์กราเวียร์สามารถผลิตชิ้นงานได้ในปริมาณมากและรวดเร็ว เนื่องจากมีขั้นตอนการผลิตแม่พิมพ์และการพิมพ์ที่ต่อเนื่องกัน ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลงเมื่อผลิตในจำนวนมาก จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการผลิตปริมาณมากๆ

เทคโนโลยีกราเวียร์ในการพิมพ์ มีกี่แบบ

เทคโนโลยีกราเวียร์ในการพิมพ์ มีกี่แบบ

เทคโนโลยีกราเวียร์ในการพิมพ์ มีอยู่ด้วยกัน 3 แบบหลักๆ ดังนี้

1.กราเวียร์แบบดั้งเดิม (Conventional Gravure)

เป็นเทคโนโลยีพิมพ์กราเวียร์รูปแบบดั้งเดิมที่ใช้แม่พิมพ์ทองแดงที่ผ่านการแกะสลักร่องลึกด้วยหัวเจาะเพชร หมึกพิมพ์หนืดพิเศษจะถูกนำมาลงในร่องเหล่านี้ และถ่ายทอดผ่านการกดด้วยแรงดันสูงลงบนวัสดุพิมพ์

2.กราเวียร์แบบลูกกลิ้งหมุน (Rotogravure)

เทคนิคนี้ใช้แม่พิมพ์ทองแดงที่มีลักษณะเป็นลูกกลิ้งหมุนได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการพิมพ์ ลูกกลิ้งจะจุ่มลงในหม้อหมึกแล้วใช้ใบมีดปาดเอาส่วนเกินออก เหลือเพียงหมึกในร่องพิมพ์ก่อนที่จะถ่ายทอดลงบนวัสดุ

3.กราเวียร์แบบคลื่นสั้น (Electrolithic/Chemical Gravure)

เทคโนโลยีนี้ใช้กระบวนการเคลือบผิวแม่พิมพ์ด้วยสารเคมี หรือไฟฟ้าเพื่อสร้างร่องลึกบนผิวโลหะ แทนการแกะสลักด้วยหัวเจาะเพชร ซึ่งช่วยให้ได้ร่องที่มีความละเอียดสูงขึ้น แต่กระบวนการผลิตแม่พิมพ์จะซับซ้อนกว่า

“แต่โดยทั่วไปแล้ว เทคโนโลยีกราเวียร์แบบลูกกลิ้งหมุนจะเป็นที่นิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมพิมพ์บรรจุภัณฑ์ เนื่องจากมีความรวดเร็วและประสิทธิภาพสูง”

ประโยชน์ของการใช้กราเวียร์ในการพิมพ์ซองอาหารเสริม เป็นอย่างไร

ประโยชน์ของการใช้กราเวียร์ในการพิมพ์ซองอาหารเสริม เป็นอย่างไร

คุณภาพงานพิมพ์สูงและคมชัด

เทคนิคการพิมพ์กราเวียร์สามารถสร้างงานพิมพ์ที่มีรายละเอียด ความคมชัด และโทนสีสม่ำเสมอได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเหมาะสำหรับซองอาหารเสริมที่ต้องการพิมพ์ข้อความ รายละเอียดสรรพคุณ และโลโก้อย่างชัดเจน

ความคงทนของสีสันสูง

หมึกพิมพ์ที่ใช้ในกระบวนการกราเวียร์จะซึมลึกเข้าไปในร่องของแม่พิมพ์ ทำให้สีสันติดทนถาวร ไม่ลอกหรือจางหายง่าย แม้ต้องเผชิญกับความร้อน ความชื้น หรือการสัมผัสทางกายภาพ จึงเหมาะกับซองบรรจุที่อาจถูกขนส่งหรือจัดเก็บในสภาวะต่างๆ

สามารถพิมพ์บนพลาสติกและฟิล์มได้

กราเวียร์เป็นเทคนิคที่สามารถพิมพ์ลงบนวัสดุต่างๆ ได้หลากหลาย รวมถึงพลาสติกและฟิล์มที่นิยมใช้ในการผลิตซองบรรจุอาหารเสริม

ผลิตได้ในปริมาณมากและต้นทุนต่อหน่วยต่ำ

กระบวนการพิมพ์กราเวียร์เหมาะสำหรับการผลิตจำนวนมาก เนื่องจากเมื่อผลิตในปริมาณสูง ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยจะลดลง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับการผลิตซองบรรจุอาหารเสริมจำนวนมาก

ไม่มีกลิ่นหรือสารตกค้างจากหมึกพิมพ์

หมึกที่ใช้ในกราเวียร์เป็นหมึกเฉพาะที่ปลอดภัย ไม่มีกลิ่นรบกวนหรือสารตกค้างที่อาจปนเปื้อนกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมภายในซอง

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงทำให้การพิมพ์กราเวียร์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ผลิตซองบรรจุอาหารเสริมที่ต้องการได้ผลงานพิมพ์คุณภาพสูง สวยงาม และคงทนถาวร

สรุป

จะเห็นได้ว่า จุดเด่นของการพิมพ์กราเวียร์ คือ คุณภาพงานพิมพ์ที่มีความคมชัดและละเอียดสูง โทนสีสม่ำเสมอ มีความคงทนของสีสันสูงเนื่องจากหมึกซึมลึกในร่อง สามารถพิมพ์ได้หลากหลายวัสดุ และเหมาะสำหรับการผลิตจำนวนมากด้วยต้นทุนที่ประหยัด

ด้วยคุณสมบัตินี้ กระบวนการพิมพ์กราเวียร์จึงเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ ที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูงและความคงทนของสีสัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางที่มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัย

การพิมพ์กราเวียร์จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ผลิตที่มุ่งเน้นคุณภาพ และต้องการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น สวยงาม และสื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม

มือใหม่ในสายงานพิมพ์ พร้อมที่จะผสมผสานงานพิมพ์กับเทคโนโลยีเพื่อสร้างงานในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้สามารถเผยแพร่ไปถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับแต่งและปรับปรุงเนื้อหาของงานพิมพ์ พร้อมอัพเดตตัวเองตลอดเวลาในการคิดเนื้อหาและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงาน เชื่อว่าจะสร้างและเพิ่มผลประโยชน์ให้กับธุรกิจในยุคปัจจุบัน : )